ผูกดวงให้อะไร

การผูกดวงให้อะไร

    บางทีบางครั้งชีวิตเราก็ยังต้องพึ่ง “ โชคดวง ”  อยู่บ้าง มากน้อยก็ตามแต่ศรัทธาความเชื่อถือของแต่ละคน บางอย่างจะห้ามคนไม่ให้เชื่อก็ไม่ได้ หรือจะให้คนมาเชื่ออะไรมันก็ไม่ดี ให้เขามาเองคิดเองด้วยใจจะดีกว่า คล้ายๆกับการนับถือยึดมั่นในศาสนานั่นล่ะ  คนเราเกิดมาก็มีการไหว้พระ  ขอพร ไม่ว่าจะเป็นไทย จีน แขก หรือ ฝรั่งที่ขอพรพระเจ้าต่างๆนานา ตามความเชื่อความหวังขอแต่ละคน  ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมองไม่เห็นด้วยตาปกติ ก็มีแต่ใจที่ส่องถึงไป  หวังว่า มันจะดีขึ้น  มันก็เป็นแรงเกื้อหนุน  

    ของบูชาต่างๆก็ไม่ได้แตกต่างกัน  พระสงฆ์องค์เจ้า อาจารย์ที่ว่าคาถาปรกเสก แต่ละท่านก็ล้วนแต่ตั้งจิตว่ามันจะดี มันต้องดี หากเอาภาษาบาลีหรือบทสวดที่ท่านตั้งจิตกล่าวคาถา มาแปลความหมาย ก็เป็นความหมายที่ให้ดีตามวัตถุประสงค์ของวัตถุมงคลนั้นๆ  เช่น ของให้ค้าขายดี  ก็สวดประมาณให้มีความร่ำรวย มีเงินทองไหลมาเทมา ทำมาค้าขึ้น อะไรกันก็ว่าไป  ส่วนของช่วยให้รักดี ก็สวดประมาณให้ความรักดีมีความสุข สมหวัง บทสวดหรือคาถาต่างๆ แปลได้มาก็ไม่ต่างจากคำ “อวยพร”  คำอวยพร ที่ไม่ต่างจาก เราบอกให้ใคร โชคดี กลับบ้านดีๆ  เดินทางดีๆ  เรารู้ได้ไงว่าคำพูดที่เราพูดไปมีพลัง มันจะเป็นไปได้ แต่เราก็พูด เพราะไม่ว่าจะมีพลังมากน้อย แต่ในใจเราอย่างน้อยก็มีความต้องการว่ามันจะดี   มันก็เป็นแรงเกื้อหนุนให้มันดีแม้จะน้อยก็ยังดี  แต่ละคนก็มี “แรงอวยพรที่มีพลังต่างกัน”  ตามการปฏิบัติหรือเป็นแบบอย่างกันมา  ยกตัวอย่างง่ายๆ  คิดเป็นตัวเราเองก็ได้ อย่าง เพื่อนเราบอกให้เราโชคดี  กับพ่อแม่ กับครูอาจารย์  กับพระ  กับหัวหน้างาน หรือคนที่สูงศักดิ์มาก บอกเรามันต่างกันไหม  หากเรารู้สึกต่างกัน นั่นล่ะคือแรงพลังขอ คำอวยพร แต่ละคนไม่เท่ากัน  เพราะความเชื่อมั้นในแรงความคิดและข้อโต้แย้งที่ต่างกัน คล้ายกับในหนังสือฝรั่งพวก ท็อป ซีเคร็ต ที่เขียนถึงพลังของความคิด

     พระเกจิหรือฆราวาสหลายท่าน ที่บำเพ็ญปฏิบัติมา ส่วนใหญ่หากคิดพูดอะไรที่เป็นการตั้งจิตตั้งใจจะไม่มีข้อโต้แย้งใดๆในความคิด หากคิดว่ามันจะดีท่านก็กำหนดใจให้มีแต่ว่ามันดี ทำให้ท่านมีแรงพลังในการอวยพรที่ต่างจากคนทั่วไป  หรือหากสมัยก่อนคงเรียกว่า วาจาสิทธิ์  ประมาณว่าคำพูดท่านศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง  แต่หากเรียกว่าคำ อวยพร จะดูง่ายกว่า การปรกเสกลงคาถาของต่างๆ เขาก็ล้วนแต่กำหนดจิตใจให้ได้ตามประสงค์ของวัตถุมงคลนั้นๆ ให้ดี มันก็คงดีกว่าเราทำเองแน่นอน เพราะพลังในการสนใจ ความเชื่อ ของแต่ละคนก็ต่างพลังไป ไม่อย่างนั้นก็ไปซื้อหนังสือคาถาตาม เซเว่น เป่าอะไรกันให้ว่อนไปหมดได้ทุกคน 

    แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าคนปกติทั่วไปไม่ดี แต่มันต่างสาขาอาชีพกันมากกว่า อย่างช่างซ่อมรถก็มีความถนัดในเรื่องของการซ่อมรถ พนักงานต้อนรับก็มีความถนัดในเรื่องต้อนรับ  แบบนี้เป็นต้น แต่หากเราอยากสวดมนต์อะไรให้ดี ก็ควรมีการปฏิบัติบ้าง ที่สำคัญควรมีศรัทธายึดมั่นในพระหรือสิ่งที่บูชา 

     การผูกดวง ก็ไม่ต่างอะไรกับการอวยพรให้รักดีมีความสุขสมหวัง  มันก็มีให้พบเห็นไม่ต่างอะไรกับการผูกข้อไม้ข้อมือในงานแต่ง หากไม่เชื่อในแรงอวยพร แต่งงานจะเอาพระไปสวดหรือจะผูกไปทำไม  ของพวกนี้ไม่ต่างจากการไหว้พระขอพร ขอพระท่านแต่ใจไปไม่ถึงเชื่อดีไม่ดีท่านคงจะอยากให้พรเรา ต้องมีความยึดมั่นบ้าง ถึงอย่างไงเสียในปัจจุบันเราก็ไม่ควรไปทำพิธีอะไรแปลกๆก็ดี บางอย่างมันก็ไม่สมควร ทำอะไรก็ควรพิจารณาตามเห็นสมควร แต่อะไรว่าดีทำแล้วไม่เจ็บตัวไม่เสียหายก็ทำไป  พวกของปรกเสกมงคลต่างๆ อย่างน้อยก็ผ่านการอธิฐานจิต หรือ ผ่านการ “อวยพร” มาแล้ว อย่างน้อยที่สุดมันก็เป็นการ “อวยพร” ที่ตรงจุดและมีพลังมากกว่าคำ “อวยพร” ทั่วไปก็แล้วกัน

ไผ่ เว่นโยว่